ศิริพร อำไพพษ์
ศิริมา อำเคน หรือ ศิริพร อำไพพงษ์ เกิดวันที่ 9 มิถุนายน 2507 เป็นบุตรนายกลองมี นาง อรดี อำเคน เป็นชาวอุดรธานี มีพี่น้อง 10 คน ผู้หญิง 6 คน ผู้ชาย 4 คน รเป็นลูกคนที่ 7 ครอบครัวมีอาชีพทำนา ฐานะยากจน ศิรพร ต้องออกหาเงินมาจุนเจือ ครอบครัวตั้งแต่เล็กด้วยการรับจ้างเลี้ยงวัวควาย เผาถ่าน และรับจ้างเกี่ยวข้าว
ศิริพร จบการศึกษาแค่ชั้น ป. 3 เท่านั้น เนื่องจากต้องออกจากโรงเรียนไปช่วยเลี้ยงหลานให้กับพี่เขยที่ต่างจังหวัดนานหลายปี เนื่องจากผู้นำครอบครัว มีความสามารถในเรื่องหมอลำ จึงได้ฝึกจับลูกหลายคนมาฝึกหมอลำ และในช่วงว่างเว้นจากการทำนา ก็นำคณะหมอลำเล็กๆออกเปิดการแสดงลำเพลิน ต่อมาเปลี่ยนเป็นลำเรื่องต่อกลอนตามยุคตามสมัยตามที่ต่างๆ เพื่อหารายได้เสริมให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง
และหนึ่งในผู้ที่ถูกจับมาฝึกหมอลำก็คือศิริพร ซึ่งเธอก็แสดงให้เห็นว่ามีพรสวรรค์ในด้านนี้ เธอเริ่มด้วยการฝึกร้องเพลงลูกทุ่ง และได้เริ่มงานกับวงของพ่อตอนอายุ 16 ปี เมื่ออยู่ในคณะหมอลำของพ่อ เธอเริ่มต้นจากตำแหน่งหางเครื่อง ร้องเพลง และเป็นผู้ช่วยนางเอก ซึ่งก็คือพี่สาวของเธอเอง ต่อมาก็ขยับมาเป็นนางเอกหมอลำแทนพี่สาว เมื่อวันหนึ่งพี่สาวป่วย และเธอต้องขึ้นแทนโดยไม่ได้ซ้อมก่อน แต่เธอก็ทำได้ดี เพราะเห็นเขาซ้อมกันอยู่ทุกวัน ช่วงนั้นเธอใช้ชื่อว่า ศิริพร แสงอรุณ
ต่อมาเธอย้ายมาอยู่กับวงเสียงอีสานในยุคเริ่มต้น และเมื่ออายุประมาณ 17 ปี ศิริพร พร้อมกับพี่สาว ย้ายมา อยู่กับวงหมอลำ สุเทพ ดาวดวงเด่น ราว 3 ปี ที่นี่เธอเริ่มด้วย ตำแหน่งนางเอกรองและร้องเพลง ได้ค่าตัววันละ 150 บาท ต่อมาทางวงมีโอกาสได้ไปออกโทรทัศน์ช่อง 4 ขอนแก่น ทำให้ดอย อินทนนท์ นักแต่งเพลงหมอลำและลูกทุ่งชื่อดังเห็นแววของเธอ จึงพาเธอไปบันทึกเสียงที่กรุงเทพฯร่วมกับหมอลำคนอื่นๆในคณะ ในครั้งนั้น ศิริพร แสงอรุณ ก็ได้หันมาใช้ชื่อว่า ศิริพร อำไพพงษ์ ตามที่ ดอย อินทนนท์ ตั้งให้
ในการบันทึกเสียงครั้งแรก ซึ่งเป็นเพลงหมอลำทั้งหมด และเธอได้ร้องแค่ 2 กลอน ชื่อ " สาวหมอลำรอรัก " และ " พบกันชาติหน้าตอนบ่าย " แต่งโดย ดอย อินทนนท์ ทั้งหมด งานนี้เธอได้ค่าร้อง 150 บาท เท่ากับการทำงานในวง 1 วัน จากนั้นเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในเขตจังหวัด มากกว่าบรรดาหมอลำคนอื่นๆที่ไปบันทึกแผ่นเสียงด้วยกัน
อีก 2 ปีต่อมา วงสุเทพ ดาวดวงเด่น ก็ยุบ เพราะไม่มีพระเอก ศิริพร กับพี่สาวจึงย้ายมาอยู่วง ซุเปอร์ลำแพนแดนอีสาน ของ ดอน แดนอีสาน ดีเจวิทยุชื่อดัง และได้ค่าตัวเพิ่มเป็นวันละ 200 บาท แต่มีงานรับเชิญไปร้องมากขึ้น ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น จากนั้นก็ย้ายมาอยู่วงอุดร มิตรนิยม
ประมาณอายุ 25 ปี นคร แดนสารคาม กับ ประยูร จันทรุศร ไปเจอศิริพรที่ช่อง 4 ขอนแก่น จึงชวนเข้าสังกัดกรุงไทยออดิโอ ซึ่งที่นี่เธอผลิตผลงานแนวหมอลำออกมา 5 ชุด คือ พบรักที่หัวลำโพง , ร้องไห้ใส่แมว , น้องนกอกหัก , ทุ่งร้างนางคอย และอดีตรักหนองหาน โดยมีเพลงเด่นๆเช่น " วาสนาดอกหญ้า , พบรักที่หัวลำโพง , วันวานยังหวานอยู่ , ด่วนคนอกหัก , ร้องไห้ใส่แมว ,ทุ่งร้างนางคอย , น้องนกอกหัก จากนั้นบริษัทได้ส่งศิริพร ไปอยู่กับวงสาธิต ทองจันทร์
แต่หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการบันทึกเสียงกับกรุงไทยออดิโอ ศิริพร ก็กลับไปทำไร่ไถนาตามเดิมและรับเชิญไปร้องเพลงบ้างแต่ไม่มากนักนานถึง 4 ปี
จนกระทั่ง ลูกเกด เมืองสกล และ ไก่ฟ้า คนในวงการหมอลำที่รู้จักกัน ได้แวะมาเยี่ยมที่บ้าน และชวนเธอไปร้องเพลงในงานกฐิน ซึ่งในงานนี้ เล็ก ราชวัตร คนจีนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองแร่ และผลิตเครื่องจักรส่งญี่ปุ่น แต่ชื่นชอบหมอลำอย่างมาก และอยากจะทำเพลงหมอลำ ก็จะมาร่วมงานด้วย ทำให้เธอต้องหยิบผลงานเพลงเก่าๆ มาปัดฝุ่น และลองซ้อมใหม่ เนื่องจากเรื้อเวทีไปนาน
แต่หลังจากที่ดูตัวและฟังเสียง ทุกฝ่ายตกลงที่จะเอาหลานสาวของศิริพร ซึ่งเป็นนางเอกหมอลำของคณะหนึ่งในจังหวัดอุดรฯไปบันทึกเสียง แต่ให้ศิริพรคอยช่วยแนะนำ แต่ไปๆมาๆ ปรากฏว่าหลานของเธอจะไปแต่งงาน และเลิกอาชีพหมอลำ ศิริพร จึงต้องรับไม้ต่อ
ศิริพร ผลิตผลงานใหม่ในแนวหมอลำภายใต้การดูแลของ ลาศ เมืองอุบล ออกมาอีก 2 ชุด อาทิเช่น อาลัยรักที่ชุมพร แต่ก็ไม่ดัง จนพอมาถึงชุดที่ 3 เล็ก ราชวัตร จึงให้ลาศ เมืองอุบล พาศิริพรเข้าค่าย พีจีเอ็ม ที่เคยทำแต่วงสตริง และไม่มีนักร้องผู้หญิง และที่นี่เธอก็ผลิตผลงานเพลงที่ผลักดันให้เธอขึ้นมามีชื่อเสียงดังสนั่นระดับประเทศเป็นเพลงแรก นั่นคือ "โบว์รักสีดำ " ที่แต่งโดย สุพรรณ ชื่นชม
และเมื่อเริ่มมีชื่อเสียงจากเพลงดังกล่าว เฮียเล็ก ก็เริ่มตั้งวงให้ศิริพรออกเดินสาย แต่ความแรงของเพลง ก็ทำให้บริษัทคู่แข่งหาทางสกัดดาวรุ่ง ด้วยการสั่งห้ามสถานีวิทยุในสังกัดเปิดเพลงศิริพร เฮียเล็ก ก็เลยหันมา โปรโมตทางโทรทัศน์แทน แต่เนื่องจากเพลงนี้ยาวมาก เพลงนี้จึงถูกตัดทอนให้สั้นลง เพื่อให้เหมาะกับการออกสื่อ
นอกจากนั้น เฮียเล็กยังไปขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าของบริษัทครีมทาฝ้า ซิงซิง ซึ่งมีวิทยุอยู่ในเครือ 200 สถานี ทำให้เพลงของศิริพร ยังคงออกไปสู่หูของแฟนเพลงได้ ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
หลังจากที่หมดสัญญากับพีจีเอ็ม ศิริพร ก็ย้ายมา อยู่กับสังกัดแกรมมี่โกลด์ ตามคำชวนของ ครูสลา คุณวุฒิ และที่นี่ศิริพร หันมาออกผลงานเพลงแนวลูกทุ่งอีสานแทนหมอลำ และเปิดฉากได้อย่างสวยงาม เมื่อมีเพลงดังอย่างปริญญาใจในชุดแรกที่อยู่กับค่ายใหม่
ก่อนที่จะมีผลงานเพลงฮิตตามมากอีกมากมายจนถึงปัจจุบัน
ศิริมา อำเคน หรือ ศิริพร อำไพพงษ์ เกิดวันที่ 9 มิถุนายน 2507 เป็นบุตรนายกลองมี นาง อรดี อำเคน เป็นชาวอุดรธานี มีพี่น้อง 10 คน ผู้หญิง 6 คน ผู้ชาย 4 คน รเป็นลูกคนที่ 7 ครอบครัวมีอาชีพทำนา ฐานะยากจน ศิรพร ต้องออกหาเงินมาจุนเจือ ครอบครัวตั้งแต่เล็กด้วยการรับจ้างเลี้ยงวัวควาย เผาถ่าน และรับจ้างเกี่ยวข้าว
ศิริพร จบการศึกษาแค่ชั้น ป. 3 เท่านั้น เนื่องจากต้องออกจากโรงเรียนไปช่วยเลี้ยงหลานให้กับพี่เขยที่ต่างจังหวัดนานหลายปี เนื่องจากผู้นำครอบครัว มีความสามารถในเรื่องหมอลำ จึงได้ฝึกจับลูกหลายคนมาฝึกหมอลำ และในช่วงว่างเว้นจากการทำนา ก็นำคณะหมอลำเล็กๆออกเปิดการแสดงลำเพลิน ต่อมาเปลี่ยนเป็นลำเรื่องต่อกลอนตามยุคตามสมัยตามที่ต่างๆ เพื่อหารายได้เสริมให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง
และหนึ่งในผู้ที่ถูกจับมาฝึกหมอลำก็คือศิริพร ซึ่งเธอก็แสดงให้เห็นว่ามีพรสวรรค์ในด้านนี้ เธอเริ่มด้วยการฝึกร้องเพลงลูกทุ่ง และได้เริ่มงานกับวงของพ่อตอนอายุ 16 ปี เมื่ออยู่ในคณะหมอลำของพ่อ เธอเริ่มต้นจากตำแหน่งหางเครื่อง ร้องเพลง และเป็นผู้ช่วยนางเอก ซึ่งก็คือพี่สาวของเธอเอง ต่อมาก็ขยับมาเป็นนางเอกหมอลำแทนพี่สาว เมื่อวันหนึ่งพี่สาวป่วย และเธอต้องขึ้นแทนโดยไม่ได้ซ้อมก่อน แต่เธอก็ทำได้ดี เพราะเห็นเขาซ้อมกันอยู่ทุกวัน ช่วงนั้นเธอใช้ชื่อว่า ศิริพร แสงอรุณ
ต่อมาเธอย้ายมาอยู่กับวงเสียงอีสานในยุคเริ่มต้น และเมื่ออายุประมาณ 17 ปี ศิริพร พร้อมกับพี่สาว ย้ายมา อยู่กับวงหมอลำ สุเทพ ดาวดวงเด่น ราว 3 ปี ที่นี่เธอเริ่มด้วย ตำแหน่งนางเอกรองและร้องเพลง ได้ค่าตัววันละ 150 บาท ต่อมาทางวงมีโอกาสได้ไปออกโทรทัศน์ช่อง 4 ขอนแก่น ทำให้ดอย อินทนนท์ นักแต่งเพลงหมอลำและลูกทุ่งชื่อดังเห็นแววของเธอ จึงพาเธอไปบันทึกเสียงที่กรุงเทพฯร่วมกับหมอลำคนอื่นๆในคณะ ในครั้งนั้น ศิริพร แสงอรุณ ก็ได้หันมาใช้ชื่อว่า ศิริพร อำไพพงษ์ ตามที่ ดอย อินทนนท์ ตั้งให้
ในการบันทึกเสียงครั้งแรก ซึ่งเป็นเพลงหมอลำทั้งหมด และเธอได้ร้องแค่ 2 กลอน ชื่อ " สาวหมอลำรอรัก " และ " พบกันชาติหน้าตอนบ่าย " แต่งโดย ดอย อินทนนท์ ทั้งหมด งานนี้เธอได้ค่าร้อง 150 บาท เท่ากับการทำงานในวง 1 วัน จากนั้นเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในเขตจังหวัด มากกว่าบรรดาหมอลำคนอื่นๆที่ไปบันทึกแผ่นเสียงด้วยกัน
อีก 2 ปีต่อมา วงสุเทพ ดาวดวงเด่น ก็ยุบ เพราะไม่มีพระเอก ศิริพร กับพี่สาวจึงย้ายมาอยู่วง ซุเปอร์ลำแพนแดนอีสาน ของ ดอน แดนอีสาน ดีเจวิทยุชื่อดัง และได้ค่าตัวเพิ่มเป็นวันละ 200 บาท แต่มีงานรับเชิญไปร้องมากขึ้น ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น จากนั้นก็ย้ายมาอยู่วงอุดร มิตรนิยม
ประมาณอายุ 25 ปี นคร แดนสารคาม กับ ประยูร จันทรุศร ไปเจอศิริพรที่ช่อง 4 ขอนแก่น จึงชวนเข้าสังกัดกรุงไทยออดิโอ ซึ่งที่นี่เธอผลิตผลงานแนวหมอลำออกมา 5 ชุด คือ พบรักที่หัวลำโพง , ร้องไห้ใส่แมว , น้องนกอกหัก , ทุ่งร้างนางคอย และอดีตรักหนองหาน โดยมีเพลงเด่นๆเช่น " วาสนาดอกหญ้า , พบรักที่หัวลำโพง , วันวานยังหวานอยู่ , ด่วนคนอกหัก , ร้องไห้ใส่แมว ,ทุ่งร้างนางคอย , น้องนกอกหัก จากนั้นบริษัทได้ส่งศิริพร ไปอยู่กับวงสาธิต ทองจันทร์
แต่หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการบันทึกเสียงกับกรุงไทยออดิโอ ศิริพร ก็กลับไปทำไร่ไถนาตามเดิมและรับเชิญไปร้องเพลงบ้างแต่ไม่มากนักนานถึง 4 ปี
จนกระทั่ง ลูกเกด เมืองสกล และ ไก่ฟ้า คนในวงการหมอลำที่รู้จักกัน ได้แวะมาเยี่ยมที่บ้าน และชวนเธอไปร้องเพลงในงานกฐิน ซึ่งในงานนี้ เล็ก ราชวัตร คนจีนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองแร่ และผลิตเครื่องจักรส่งญี่ปุ่น แต่ชื่นชอบหมอลำอย่างมาก และอยากจะทำเพลงหมอลำ ก็จะมาร่วมงานด้วย ทำให้เธอต้องหยิบผลงานเพลงเก่าๆ มาปัดฝุ่น และลองซ้อมใหม่ เนื่องจากเรื้อเวทีไปนาน
แต่หลังจากที่ดูตัวและฟังเสียง ทุกฝ่ายตกลงที่จะเอาหลานสาวของศิริพร ซึ่งเป็นนางเอกหมอลำของคณะหนึ่งในจังหวัดอุดรฯไปบันทึกเสียง แต่ให้ศิริพรคอยช่วยแนะนำ แต่ไปๆมาๆ ปรากฏว่าหลานของเธอจะไปแต่งงาน และเลิกอาชีพหมอลำ ศิริพร จึงต้องรับไม้ต่อ
ศิริพร ผลิตผลงานใหม่ในแนวหมอลำภายใต้การดูแลของ ลาศ เมืองอุบล ออกมาอีก 2 ชุด อาทิเช่น อาลัยรักที่ชุมพร แต่ก็ไม่ดัง จนพอมาถึงชุดที่ 3 เล็ก ราชวัตร จึงให้ลาศ เมืองอุบล พาศิริพรเข้าค่าย พีจีเอ็ม ที่เคยทำแต่วงสตริง และไม่มีนักร้องผู้หญิง และที่นี่เธอก็ผลิตผลงานเพลงที่ผลักดันให้เธอขึ้นมามีชื่อเสียงดังสนั่นระดับประเทศเป็นเพลงแรก นั่นคือ "โบว์รักสีดำ " ที่แต่งโดย สุพรรณ ชื่นชม
และเมื่อเริ่มมีชื่อเสียงจากเพลงดังกล่าว เฮียเล็ก ก็เริ่มตั้งวงให้ศิริพรออกเดินสาย แต่ความแรงของเพลง ก็ทำให้บริษัทคู่แข่งหาทางสกัดดาวรุ่ง ด้วยการสั่งห้ามสถานีวิทยุในสังกัดเปิดเพลงศิริพร เฮียเล็ก ก็เลยหันมา โปรโมตทางโทรทัศน์แทน แต่เนื่องจากเพลงนี้ยาวมาก เพลงนี้จึงถูกตัดทอนให้สั้นลง เพื่อให้เหมาะกับการออกสื่อ
นอกจากนั้น เฮียเล็กยังไปขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าของบริษัทครีมทาฝ้า ซิงซิง ซึ่งมีวิทยุอยู่ในเครือ 200 สถานี ทำให้เพลงของศิริพร ยังคงออกไปสู่หูของแฟนเพลงได้ ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
หลังจากที่หมดสัญญากับพีจีเอ็ม ศิริพร ก็ย้ายมา อยู่กับสังกัดแกรมมี่โกลด์ ตามคำชวนของ ครูสลา คุณวุฒิ และที่นี่ศิริพร หันมาออกผลงานเพลงแนวลูกทุ่งอีสานแทนหมอลำ และเปิดฉากได้อย่างสวยงาม เมื่อมีเพลงดังอย่างปริญญาใจในชุดแรกที่อยู่กับค่ายใหม่
ก่อนที่จะมีผลงานเพลงฮิตตามมากอีกมากมายจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น